การรักษา “ความมั่นคงทางอาหาร (Food Security)” ถือเป็นประเด็นสำคัญที่หลายประเทศทั่วโลกต่างกำลังให้ความสนใจ เพราะการเข้าถึงอาหารที่เพียงพอ ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับมนุษย์ทุกคนย่อมเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน แต่อย่างไรก็ตาม วิกฤตต่าง ๆ ทั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ความผันผวนทางเศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งปัญหาขยะอาหาร (Food Waste) ที่เกิดขึ้นล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงทางอาหารของประชากรโลก
เพราะฉะนั้นการจะสร้างระบบอาหารที่มั่นคงและมีความยั่งยืน (Sustainability) จำเป็นจะต้องอาศัยการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าที่สุดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การจัดเก็บ ตลอดจนการจัดจำหน่ายสินค้าจนถึงมือผู้บริโภค ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนความมั่นคงทางอาหารและส่งเสริมความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริงได้
จากข้อมูล รายงานวิกฤตการณ์อาหารโลกประจำปี 2025 (Global Report on Food Crises : GRFC) เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2025 มีรายงานว่า “ประชากรโลกมากกว่า 295.3 ล้านคนใน 53 ประเทศกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน” ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นกว่าสามเท่าของจำนวนผู้คนที่เผชิญกับความอดอยากตั้งแต่ปี 2016 โดยเฉพาะในประเทศซูดาน ฉนวนกาซา เฮติ และมาลี
อันเป็นผลมาจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ การตัดงบประมาณความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนรุนแรง โดยเฉพาะภัยแล้งและอุทกภัยที่เกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) จนส่งผลให้ความมั่นคงทางอาหารทั่วโลกได้รับผลกระทบ พืชผลทางการเกษตรเสียหาย และเกิดการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของระบบอาหารทั่วโลก
วิกฤตการณ์เหล่านี้ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าการแก้ไขปัญหา Food Security จะต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและการลงทุนที่มุ่งเน้นความยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานเพื่อเป็นการสร้างระบบอาหารโลกที่มั่นคงและพร้อมรับมือกับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างแท้จริงในระยะยาว
ห่วงโซ่อุปทาน หรือ Supply Chain มีบทบาทโดยตรงต่อการสร้างและรักษาความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ของประชากรโลกที่เชื่อมโยงกระบวนการจัดหา การผลิต การขนส่ง การจัดเก็บ และการกระจายอาหารจากแหล่งต้นทางไปยังผู้บริโภคปลายทาง ซึ่งทุกขั้นตอนล้วนมีความสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหารทั้งในด้านปริมาณ คุณภาพ ความปลอดภัย และการเข้าถึงอาหารอย่างทั่วถึง
ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการวัตถุดิบต้นทางอย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะปลูก ไปจนถึงการแปรรูปอาหารที่ช่วยลดการสูญเสียและรักษาคุณภาพของผลผลิต หรือการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยของอาหาร (Food Safety) อย่างเข้มงวดเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารที่ถึงมือผู้บริโภคมีความปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน
หรือแม้กระทั่งการออกแบบระบบห่วงโซ่อุปทานอย่างยืดหยุ่นที่สามารถปรับตัวและรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ เช่น ภัยธรรมชาติ หรือวิกฤตเศรษฐกิจ เพื่อช่วยให้ระบบอาหารยังคงดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่องมั่นคง และมีความยั่งยืน
การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการบูรณาการแนวคิด กระบวนการและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน ไม่เพียงแค่ช่วยให้อาหารเดินทางจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคได้อย่างราบรื่น แต่ยังช่วยส่งเสริมด้านความมั่นคงทางอาหารได้อีกด้วย โดยมีส่วนช่วยดังต่อไปนี้
เพราะปัญหาความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) เป็นประเด็นสำคัญระดับโลกที่เราควรใส่ใจในฐานะผู้ประกอบการในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมอาหาร ดังนั้นการมีพาร์ทเนอร์ที่สามารถช่วยบริหารจัดการระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ให้มีประสิทธิภาพพร้อมมุ่งเน้นด้านความยั่งยืนจึงเป็นสิ่งสำคัญ
“Cogistics” เราคือผู้ให้บริการ Supply Chain Solution ด้านการจัดหาวัตถุดิบประเภทผักและผลไม้แช่แข็ง “Veggie Industry” และบริการกระจายสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อจัดส่งสู่ Modern Trade “Food Pipeline” ที่พร้อมช่วยขับเคลื่อนความมั่นคงของอุตสาหกรรมอาหารไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
ด้วยความเชี่ยวชาญและบริการที่ครอบคลุม Cogistics เราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมด้านความมั่นคงทางอาหารของไทย ด้วยการบริหารจัดการ Supply Chain ที่ยั่งยืนและลดปริมาณขยะอาหาร (Food Waste) ให้กับทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคในประเทศไทยซึ่งส่งผลดีต่อทั้งธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
บทความแนะนำ:
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ช่องทาง
Call: 02-328-6638
Line Official: @cogistics
Facebook: Cogistics Co., Ltd.
Email: salesorder@cogistics.co.th
แล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา Cogistics เพื่อนคู่คิดธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร