Food Waste คือ เศษอาหารที่ถูกทิ้ง อาหารที่หมดอายุ หรือของเสียที่เกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการผลิต การจัดจำหน่าย หรือการบริโภค โดยที่ไม่มีการนำไปใช้เพื่อการบริโภคที่ถูกต้องจนกลายเป็นขยะอาหาร โดยสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในภาคครัวเรือน ธุรกิจอาหาร หรือระดับอุตสาหกรรมอาหาร
ขยะอาหาร (Food Waste) ถือเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อทั้งภาคเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ซึ่งมีปริมาณการสูญเสียอาหารคิดเป็น 30% ของปริมาณอาหารที่ผลิตทั้งหมด หรือมีมูลค่าประมาณ 940 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี สำหรับประเทศไทยปริมาณขยะอาหารคิดเป็น 60% ของปริมาณขยะทั้งหมด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 254 กิโลกรัมต่อปี ซึ่งมีมูลค่าคิดเป็น 9 หมื่นล้านบาทต่อปี
โดยขยะอาหารเหล่านี้สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการลงทุนที่สูญเปล่า และกระทบต่อด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดมลพิษทางดิน น้ำ และอากาศ อีกทั้งยังเป็นแหล่งเกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่โลกของเรา ไม่เพียงเท่านี้ยังส่งกระทบต่อปัญหาสังคมที่เป็นบ่อเกิดปัญหาการขาดแคลนอาหารเชิงโครงสร้าง ปัญหาความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ความหิวโหยและความอดอยากของประชากรทั่วโลกอีกด้วย
ในอุตสาหกรรมอาหาร ปัญหาขยะอาหารนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการลงทุนที่สูญเปล่าทั้งวัตถุดิบ ค่าขนส่ง หรือกำไรของธุรกิจเท่านั้น แต่ยังสร้างผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างกว้างขวาง โดยการทิ้งอาหารที่ยังสามารถบริโภคได้ไม่เพียงแต่เป็นการสูญเสียทรัพยากรที่มีค่า แต่ยังเป็นการเพิ่มปริมาณขยะอินทรีย์ที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจนกลายเป็นภาวะโลกร้อนนั่นเอง
โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมที่สร้างปริมาณขยะอาหารจำนวนมหาศาลที่มักมีการสูญเสียอาหารเกิดขึ้นในหลายขั้นตอนตั้งแต่การเก็บเกี่ยววัตถุดิบ กระบวนการผลิต การแปรรูป การจัดเก็บ ไปจนถึงการขนส่งจนถึงมือผู้บริโภค เพราะฉะนั้นการแก้ไขปัญหา Food Waste ในอุตสาหกรรมอาหาร จะต้องวางแผนระบบให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดปริมาณขยะอาหารที่เกิดขึ้นหรือจัดการกับของเสียจากอาหารอย่างถูกต้อง
การเกิด Food Waste ในอุตสาหกรรมอาหารสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้จากขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทานของอาหาร ตั้งแต่การผลิต การขนส่ง ไปจนถึงการจัดจำหน่าย ดังต่อไปนี้
ผักแช่แข็งและผลไม้แช่แข็งกำลังเป็นที่นิยมและได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้นในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมอาหาร เพราะไม่เพียงแต่การช่วยยืดอายุการเก็บรักษาวัตถุดิบได้แล้วนั่น ยังช่วยลดการสูญเสียจากการเน่าเสียของผัก ผลไม้ประเภทของสด ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาขยะอาหาร หรือ Food Waste ได้นั่นเอง โดยเราได้รวบรวมข้อดีของการเลือกใช้ผัก ผลไม้แช่แข็งในกระบวนการผลิตของโรงงานผลิตอาหาร ได้แก่
การแช่แข็งวัตถุดิบ เช่น การแช่เยือกแข็ง (Blast Freezer) ด้วยการลดอุณหภูมิของอาหาร ให้ต่ำกว่า -18 องศาเซลเซียส เพื่อถนอมอาหารด้วยการเปลี่ยนสถานะของน้ำในอาหารให้กลายเป็นน้ำแข็ง จะสามารถยืดอายุการเก็บรักษาของผักและผลไม้ได้นานหลายเดือนหรือถึงปีได้ ซึ่งจะทำให้ลดปริมาณการสูญเสียที่เกิดจากการเน่าเสียและหมดอายุในระหว่างจัดเก็บก่อนเข้ากระบวนการผลิตสินค้า ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดขยะอาหาร โดยคงไว้เพื่อให้สามารถใช้งานวัตถุดิบได้เป็นเวลานาน และลดความเสี่ยงของการเน่าเสียก่อนเวลาอันควร
ผักและผลไม้แช่แข็งมักถูกผ่านกระบวนการต่าง ๆ สำหรับการแช่แข็งทันทีเพื่อหยุดการทำงานของเอนไซม์และจุลินทรีย์ที่นำไปสู่การย่อยสลายสารอาหารหลังจากการเก็บเกี่ยวเพื่อคงไว้ซึ่งรสชาติ เนื้อสัมผัส และคุณค่าทางโภชนาการของผัก ผลไม้ให้ใกล้เคียงกับของสดจากฟาร์มมากที่สุดเพื่อทดแทนการใช้ผัก ผลไม้สดนั่นเอง เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนแม้จะเป็นผลิตภัณฑ์แช่แข็งก็ตาม
การเลือกใช้ผักแช่แข็งและผลไม้แช่แข็งสามารถช่วยให้ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายสามารถผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภคได้ตลอดทั้งปี แม้ว่าผลผลิตจะอยู่นอกฤดูกาลเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวก็ตาม ทำให้อุตสาหกรรมอาหารสามารถผลิตสินค้าเพื่อจัดจำหน่ายได้ตลอดทั้งปีแม้อยู่ในช่วงนอกฤดูเก็บเกี่ยวนั่นเอง
ในปัจจุบันเทรนด์ความยั่งยืนและการลดปริมาณ Food Waste เป็นเรื่องที่สำคัญมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารที่ยิ่งต้องให้ความสำคัญในกระบวนการผลิต บริการ Veggie Industry จาก Cogistics จึงเป็นโซลูชั่นที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจและอุตสาหกรรมอาหาร ด้วยบริการจัดหาวัตถุดิบผัก ผลไม้ผ่านระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยการแช่แข็งเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาวัตถุดิบ และช่วยลดการสูญเสียทรัพยากรในกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เราคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีจากเครือข่ายพันธมิตรในแหล่งเพาะปลูกทั่วโลก เพื่อจัดหาผัก ผลไม้แช่แข็งหลากหลายชนิดได้มากกว่า 100 ชนิด พร้อมบริการตัดแต่งรูปทรงวัตถุดิบได้มากถึง 18 แบบ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของธุรกิจคุณ สามารถคลิกดูวัตถุดิบทั้งหมดได้ ที่นี่!
เรามีบริการจัดส่งสินค้าทุกวันตลอดทั้งปีโดยไม่มีขาดส่ง ด้วยระบบห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพให้พร้อมส่งสินค้าถึงหน้าโรงงานผลิตอาหารได้อย่างตรงตามความต้องการ (Right Product) ตรงเวลา (Right Time) และมีต้นทุนคงที่ตลอดทั้งปี (Right Cost)
สินค้าของเราผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน และควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าวัถตุดิบที่ได้รับจะปลอดภัย ถูกสุขอนามัย และคงคุณค่าทางโภชนาการ ด้วยการรับรองมาตรฐาน ISO 9001, HACCP, GMP รวมถึง มาตรฐานฮาลาล อีกด้วย
Cogistics มุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรผู้อยู่เคียงข้างธุรกิจและอุตสาหกรรมอาหาร ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นในการจัดหาวัตถุดิบผัก ผลไม้ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมอาหาร อีกทั้งเรายังมีบริการ Food Pipeline ขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิสู่ช่องทางจำหน่ายโมเดิร์นเทรดด้วยกระบวนการกระจายสินค้าที่มีการควบคุมอุณหภูมิในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน ให้คุณมั่นใจได้ว่าสินค้าของคุณจะคงความสดใหม่ ปลอดภัยตลอดการขนส่ง
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ช่องทาง
Call: 02-328-6638
Line Official: @cogistics
Facebook: Cogistics Co., Ltd.
Email: salesorder@cogistics.co.th
แล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา Cogistics เพื่อนคู่คิดธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร