ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนวัตถุดิบอาหารจำเป็นจะต้องรักษาคุณภาพสินค้าให้คงความสดใหม่ ปลอดภัย และอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดเพื่อวางจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคต่อไป ซึ่งหมายความว่าผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจอาหารจำเป็นจะต้องรักษาสภาพแวดล้อมในการเก็บรักษาสินค้าและจัดส่งสินค้าถึงหน้าร้านค้าที่วางจำหน่ายโดยการควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมกับประเภทสินค้าเพื่อรักษาสภาพให้สมบูรณ์ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เน่าเสียง่ายหากไม่มีการจัดเก็บในอุณหภูมิและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมนั่นเอง
โดยเฉพาะในธุรกิจอาหารที่จัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด เช่น ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่จะต้องทำการผลิตและกระจายสินค้าสู่หน้าร้านค้าเพื่อวางจำหน่ายในปริมาณมากและเตรียมจัดส่งกว่าหลายสาขาทั่วประเทศ ดังนั้นการจัดตั้งและวางแผนระบบโลจิสติกส์เพื่อให้ธุรกิจอาหารสามารถดำเนินการขนส่งและจัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยตนเองหรือ “Establish Logistics” อาจเป็นเรื่องยาก หากขาดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านโลจิสติกส์ หรือไม่พร้อมลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานหรือโปรแกรมการจัดการคลังสินค้าหรือระบบขนส่งที่มีต้นทุนสูง เนื่องจากไม่คุ้มค่ากับการลงทุนเพราะมีปริมาณสินค้าและจำนวนสาขาที่ต้องจัดส่งมากเกินรับมือไหว
เพราะฉะนั้นการเลือกใช้บริษัท ขนส่งโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics) ที่ให้บริการคลังสินค้าห้องเย็น (Cold Storage) และรถห้องเย็น (Refrigerated Truck) หรือผู้ให้บริการโลจิสติกส์ภายนอก 3PL (Third-Party Logistics) จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับธุรกิจอาหารในการขนส่งสินค้าสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรด ซึ่งผู้ให้บริการโลจิสติกส์ก็มีมากมายหลายเจ้า แล้วถ้าเราเป็นผู้ประกอบการจะเลือกใช้บริษัท ขนส่งโลจิสติกส์มาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อช่วยในการกระจายวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์อาหารของเราดี ในวันนี้ Cogistics จึงไม่พลาดที่จะนำ 5 ข้อที่ควรรู้ก่อนเลือกผู้ให้บริการรถห้องเย็น คลังสินค้าห้องเย็น สำหรับธุรกิจอาหารมาฝากผู้ประกอบการทุกท่านกัน จะมีอะไรบ้าง ตามไปอ่านด้านล่างได้เลย !
“อุณหภูมิ” เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอาจทำให้สินค้าเสื่อมคุณภาพ หรือเกิดเน่าเสียขึ้นได้ ดังนั้นการควบคุมและรักษาอุณหภูมิให้เหมาะสมสำหรับวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม จึงเป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบขนส่งเย็น (Cold Chain Logistics) จะต้องมีระบบควบคุมอุณหภูมิที่เสถียรและแม่นยำที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะต้องควบคุมความเย็นให้คงที่ในทุกช่วงอุณหภูมิที่สามารถรองรับได้ตามประเภทของสินค้า เช่น ช่วงอุณหภูมิห้อง (Ambient) ช่วงอุณหภูมิแช่เย็น (Chill) และช่วงอุณหภูมิแช่แข็ง (Frozen) เป็นต้น รวมถึงต้องมีการตรวจสอบและบันทึกอุณหภูมิอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าของคุณจะถูกเก็บรักษาในสภาพที่ดีที่สุดตลอดระยะเวลาในการขนส่งด้วยรถห้องเย็นและการจัดเก็บในคลังสินค้าห้องเย็นนั่นเอง
ในยุคนี้เทคโนโลยีได้มีบทบาทสำคัญที่นำมาใช้ในระบบจัดการสินค้าและการติดตามสถานะการขนส่งสินค้า เพราะฉะนั้นบริษัท ขนส่งโลจิสติกส์ที่มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการทำงานจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้วยระบบการจัดการคลังสินค้าและระบบจัดการการขนส่ง ตลอดจนมีระบบติดตามสถานะสินค้าได้แบบเรียลไทม์ที่สามารถตรวจสอบตำแหน่งของรถห้องเย็นได้ เช่น ระบบ GPS เป็นต้น
ความปลอดภัยของอาหาร (Food Safety) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์อาหาร ซึ่งผู้ให้บริการรถห้องเย็น หรือคลังสินค้าห้องเย็นควรได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเชื่อถือได้ เช่น มาตรฐาน ISO, GMP, HACCP เป็นต้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบริษัทโลจิสติกส์มีการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร โดยสินค้าจะถูกจัดเก็บและจัดส่งอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันสินค้าเสียหายและปนเปื้อนจากสารอันตรายต่าง ๆ ในระหว่างกระบวนการทำงาน
ความสามารถในการทำงานร่วมกันและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างผู้ให้บริการโลจิสติกส์และธุรกิจอาหารของคุณเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะการสื่อสารระหว่างธุรกิจที่ชัดเจนและตอบสนองอย่างทันเวลาจะช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการจัดเก็บและจัดส่งสินค้า และเพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว หรือการมีระบบที่เชื่อมต่อระหว่างธุรกิจและธุรกิจ (B2B) แบบไร้รอยต่อ (Seamless Connection to All) ทำให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อกับระบบจัดการข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ เป็นต้น
ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านโลจิสติกส์ของผู้ให้บริการขนส่งเย็นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถใช้ในการพิจารณาเพื่อเลือกบริษัทขนส่งได้ เพราะบริษัท ขนส่งโลจิสติกส์ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนานและมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านการจัดการสินค้าโดยเฉพาะสำหรับธุรกิจอาหารที่มีความเข้าใจในการเก็บรักษาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์อาหารในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมของสินค้าแต่ละประเภท รวมถึงมีประสบการณ์และผลงานที่น่าเชื่อถือโดยการอ้างอิงที่ดีจากลูกค้าก่อนหน้านี้จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับการบริการที่มีคุณภาพสูงสุดสำหรับธุรกิจอาหารของคุณ
การเลือกผู้ให้บริการรถห้องเย็นและคลังสินค้าห้องเย็นที่มีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่ธุรกิจอาหารควรให้ความสำคัญ ซึ่งเปรียบเสมือนการเลือกพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ดีที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้ โดย 5 ข้อควรรู้ที่นำเสนอในบทความนี้จะเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการตัดสินใจเลือกผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ที่ตรงกับความต้องการ ซึ่งจะช่วยให้สินค้าคงคุณภาพ ปลอดภัย และส่งถึงหน้าร้านค้าโมเดิร์นเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จของธุรกิจได้อย่างราบรื่นนั่นเอง
Cogistics เพื่อนคู่คิดธุรกิจอาหาร ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ด้านขนส่งเย็น (3PL) แบบครบวงจร ผ่านบริการ “Food Pipeline” ระบบการจัดการขนส่งควบคุมอุณหภูมิ โดยมีความเชี่ยวชาญในด้านการขนส่งเย็นหรือขนส่งควบคุมอุณหภูมิด้วยรถห้องเย็นและการจัดเก็บสินค้าในคลังสินค้าห้องเย็น (Cold Storage) ก่อนกระจายสินค้าเพื่อนำสู่ช่องทางร้านค้าโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศไทย โดยทีมงานมืออาชีพด้านโลจิสติกส์ที่สะสมประสบการณ์มาอย่างยาวนาน และใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อระบบการจัดการคลังสินค้า (WMS) และระบบจัดการการขนส่ง (TMS) เข้าด้วยกัน อีกทั้งยังมีระบบติดตามรถขนส่งสินค้า (GPS Tracking) เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถติดตามสถานะการขนส่งของรถห้องเย็นได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
หรือสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับ Food Pipeline by Cogistics ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ด้านขนส่งเย็น (3PL) แบบครบวงวจร ได้ในลิงก์นี้
สนใจบริการ Food Pipeline สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ช่องทาง
Call: 02-328-6638
Line Official: @cogistics
Facebook: Cogistics Co., Ltd.
Email: salesorder@cogistics.co.th
แล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา Cogistics เพื่อนคู่คิดธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร