แม้เกษตรพันธสัญญา (Contract Farming) จะไม่ใช่เรื่องใหม่ในประเทศไทย แต่ยังคงเป็นแนวทางที่มีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจหรือรายได้ของเกษตรกรไทย และยังเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการในภาคเอกชน โดยช่วยลดความเสี่ยงของผู้ผลิตและผู้รับซื้อเนื่องจากมีรูปแบบสัญญาที่แน่นอน และทำให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนการผลิต การจัดซื้อ และบริหารคลังสินค้าได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
ซึ่ง “เกษตรพันธสัญญา” ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ในการสร้างเสถียรภาพให้กับระบบห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ทั้งในด้านการควบคุมคุณภาพและปริมาณของผลผลิต ความต่อเนื่องของวัตถุดิบที่ส่งเข้าสู่สายพานการผลิต รวมถึงสามารถตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ถึงที่มาของวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหารได้อีกด้วย
บทความนี้จึงขอพาไปเจาะลึกถึงหลักการและรูปแบบของเกษตรพันธสัญญา ตลอดจนบทบาทที่เชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของ Contract Farming ในการเป็นฟันเฟืองสำคัญเพื่อการพัฒนาด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมอาหารไทยอย่างยั่งยืน และส่งเสริมเศรษฐกิจในภาพรวมต่อไป
เกษตรพันธสัญญา หรือ Contract Farming คือ รูปแบบสัญญาที่มีข้อตกลงร่วมกันระหว่าง “เกษตรกร” และ “ผู้ประกอบการ” โดยมีข้อตกลงล่วงหน้าเกี่ยวกับเงื่อนไขต่าง ๆ ทั้งเรื่องของปริมาณผลผลิต คุณภาพ มาตรฐานการผลิต ราคาซื้อขาย รวมถึงกรอบระยะเวลาในการส่งมอบที่ตกลงซื้อขายกันล่วงหน้า โดยทางผู้รับซื้อจะให้การสนับสนุนแก่เกษตรกรในรูปแบบของปัจจัยที่เอื้อต่อการผลิต เช่น เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยา เครื่องมือทางการเกษตร หรือแม้กระทั่งองค์ความรู้ในการเพาะปลูกหรือการเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
ซึ่งรูปแบบสัญญา Contract Farming เป็นหนึ่งเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้ในการจัดหาผลผลิตทางการเกษตรทั้งรูปแบบพืชและสัตว์ โมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาด้านความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในระบบการเกษตรแบบดั้งเดิม และเพื่อสร้างระบบที่เป็นประโยชน์ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการอีกด้วยนั่นเอง
ระบบเกษตรพันธสัญญาจะสามารถแบ่งได้เป็น 3 รูปแบบหลักที่นิยมใช้กันมากที่สุด ได้แก่
ข้อดีของเกษตรพันธสัญญา
ข้อเสียของเกษตรพันธสัญญา
เกษตรพันธสัญญา (Contract Farming) เข้ามามีบทบาทสำคัญที่ช่วยเชื่อมโยงการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบภายในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ระหว่างต้นน้ำหรือเกษตรกรกับบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายให้กลายเป็น “พันธมิตรทางธุรกิจ” ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์แบบระยะยาวที่เอื้อให้ห่วงโซ่อุปทานมีเสถียรภาพและมั่นคงอย่างยั่งยืน โดยช่วยลดความไม่แน่นอน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความร่วมมืออย่างเป็นระบบร่วมกัน
ประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรม
ประโยชน์ต่อเกษตรกร
“Cogistics” พร้อมเป็นพันธมิตรสำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร ที่ช่วยยกระดับมาตรฐานวัตถุดิบของคุณผ่านความร่วมมือกับเครือข่ายเกษตรกรในระบบเกษตรพันธสัญญา โดยทุกโรงงานผักผลไม้แช่แข็งในเครือข่ายของเราใช้ระบบจัดการฟาร์มแบบ Contract Farming โดยสามารถเข้าไปควบคุมคุณภาพวัตถุดิบตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูก เพื่อส่งต่อวัตถุดิบผักผลไม้แช่แข็งคุณภาพสูงที่ได้มาตรฐานสากลให้กับธุรกิจของคุณอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ผ่านบริการ “VEGGIE INDUSTRY” ระบบจัดหาวัตถุดิบผัก-ผลไม้แช่แข็งสำหรับการผลิตในภาคอุตสาหกรรมอาหาร ด้วยการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ในการจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพได้มาตรฐานเพื่อกระบวนการผลิตในธุรกิจอาหารขนาดใหญ่และภาคอุตสาหกรรม
คลิกดูผลิตภัณฑ์ผักผลไม้แช่แข็งเพิ่มเติมจาก Cogistics: รวมวัตถุดิบ ผักแช่แข็ง-ผลไม้แช่แข็ง จาก Veggie Industry กว่า 100 ชนิด เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ช่องทาง
Call: 02-328-6638
Line Official: @cogistics
Facebook: Cogistics Co., Ltd.
Email: salesorder@cogistics.co.th
แล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา Cogistics เพื่อนคู่คิดธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร