
จุดบอดในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่หลายคนมองข้ามอาจนำไปสู่การสูญเสียต้นทุนมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์ความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่แม่นยำ การสูญเสียผลผลิตระหว่างการขนส่งและการจัดเก็บ ไปจนถึงการไร้ประสิทธิภาพในการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ตลอดจนกระทบต่อเป้าหมายด้านความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารควรให้ความสำคัญ
ในยุคที่ข้อมูลและเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ “AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์” ได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่พลิกโฉมหน้าของหลายอุตสาหกรรม รวมถึงถูกนำมาประยุกต์ใช้ในขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) สำหรับภาคอุตสาหกรรมอาหาร
ดังนั้นวันนี้เราจะพาคุณไปสำรวจว่า AI ได้เข้ามามีบทบาทอย่างไรในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมอาหารตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมถึงความท้าทายที่ธุรกิจต้องเผชิญและแนวทางในการขับเคลื่อนไปสู่อุตสาหกรรมอาหารแห่งความยั่งยืน (Sustainability) ที่พร้อมตอบโจทย์โลกอนาคตอย่างแท้จริงกัน

ในแต่ละขั้นตอนของ “อุตสาหกรรมอาหาร” ล้วนเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนตั้งแต่การเพาะปลูก การจัดการวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การจัดเก็บ ไปจนถึงการกระจายสินค้า รวมถึงปัจจัยภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนทำให้ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของธุรกิจอาหารต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง
และอีกหนึ่งปัญหาคือการสูญเสียอาหาร (Food Loss) ซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการมุ่งสู่ความยั่งยืน (Sustainability) ของอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก โดยวัตถุดิบและอาหารปริมาณมากที่ถูกทิ้งในแต่ละปีล้วนเกิดจากการสูญเสียไประหว่างการเก็บเกี่ยว การแปรรูป และการขนส่ง เนื่องจากการคาดการณ์ความต้องการที่ไม่แม่นยำและการจัดการสินค้าคงคลังที่ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมาจากกระบวนการในอุตสาหกรรมอาหารทั้งสิ้น
และจากผลสำรวจของ PwC Thailand ปี 2568 พบว่าผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญกับอาหารที่สอดคล้องด้านสุขภาพ ความสะดวก สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน (Sustainability) รวมถึงเน้นเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร (Food Safety) ถึงแม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาที่สูงขึ้นก็ตามแต่
สิ่งเหล่านี้เองคือปัญหาและความท้าทายที่ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมอาหารต้องเผชิญ เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมมุ่งสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน

“AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์” ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ตั้งแต่การวางแผน การคาดการณ์ ไปจนถึงการบริหารความเสี่ยง โดยเทคโนโลยี AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) จากหลายแหล่งทั้งภาพรวมข้อมูลทางตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค และต้นทุนวัตถุดิบ เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
โดยการปรับแต่งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Optimization) เป็นการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทานในภาคอุตสาหกรรมอาหาร โดยเน้นการบูรณาการรวมกับความยั่งยืน (Sustainability) เช่น การใช้ Data Integration เพื่อรวบรวมข้อมูลในแต่ละขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน, Real-Time Visibility การติดตามสถานะของสินค้าคงคลังหรือการขนส่งแบบเรียลไทม์ หรือ Predictive Analytics การใช้ AI เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคหรือคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เป็นต้น
การนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ในองค์กรทำให้อุตสาหกรรมอาหารสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน (Sustainability) ได้ ซึ่งไม่ใช่แค่เป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในสายการผลิตหรือห่วงโซ่อุปทาน แต่ยังเป็นการสร้างสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจและความรับผิดชอบต่อโลก
ซึ่งองค์กรที่นำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการวางแผนห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) จะสามารถลดต้นทุนและลดปัญหาการสูญเสียอาหาร (Food Loss) ไปพร้อมกับสร้างคุณค่าใหม่ให้กับสังคม ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการผลิตอาหารที่ปลอดภัย การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ความโปร่งใส การตรวจสอบย้อนกลับ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคตนั่นเอง
ปัจจุบันหลายองค์กรในภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มได้เริ่มนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้จริงในกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ตัวอย่างเช่น
เมื่อมองไปข้างหน้าการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาผสานเข้ากับระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทรนด์ชั่วคราว แต่คือ “การเปลี่ยนผ่านเชิงกลยุทธ์” ที่จะกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมอาหารในอนาคต โดยเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวต่อความไม่แน่นอน เพิ่มประสิทธิภาพ ลดของเสีย และตอบโจทย์เป้าหมายด้านความยั่งยืน (Sustainability) ได้ในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตามการจะเปลี่ยนแนวคิดให้กลายเป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้จำเป็นต้องอาศัยพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านห่วงโซ่อุปทานอย่างแท้จริง พวกเรา “Cogistics” ผู้นำด้าน Cold Chain Logistics & Supply Chain Management สำหรับภาคอุตสาหกรรมอาหาร พร้อมที่จะช่วยยกระดับการบริหารจัดการทุกขั้นตอนในห่วงโซ่อุปทานของคุณในการผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะและการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างยั่งยืนและพร้อมรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลง
สนใจให้เรา Cogistics เป็นพาร์ทเนอร์ที่ดูแลด้านห่วงโซ่อุปทานให้ธุรกิจคุณ:
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ช่องทาง
Call: 02-328-6638
Line Official: @cogistics
Facebook: Cogistics Co., Ltd.
Email: salesorder@cogistics.co.th
แล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา Cogistics เพื่อนคู่คิดธุรกิจอุตสาหกรรมอาหาร